วันพฤหัสบดีที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2554

มะตูมยักษ์ไทย สรรพคุณเยี่ยม

คนส่วนใหญ่ จะรู้จักเฉพาะมะตูมที่มีผลขนาดเล็ก และมีผลวางขายทั่วไป ซึ่งมะตูมที่กล่าวถึงมีด้วยกัน 3 สายพันธุ์ คือ ชนิดที่มีผลรูปทรงกลมคล้ายผลมะขวิด ชนิดที่ 2 ผลกลมยาวเปลือกหนาเรียกว่า มะตูมบ้าน และชนิดสุดท้าย ผลเหมือนชนิดแรก แต่เปลือกผลจะอ่อนนุ่มใช้นิ้วกดจะบุ๋มเรียกว่า มะตูมนิ่ม ทั้ง 3 ชนิด จะมีคุณค่าทางอาหารและทางสมุนไพรเหมือนกัน จะแตกต่างกันเล็กน้อย เคยแนะนำในคอลัมน์ไปแล้ว ส่วนมะตูมยักษ์ไทย เป็นสายพันธุ์ที่ 4 หรืออีกสายพันธุ์หนึ่ง พบขึ้นทั่วไปตามป่าเบญจพรรณ ป่าโปร่ง และป่าดิบแล้งทุกภาคของประเทศไทย ซึ่งในยุคสมัยก่อนนิยมปลูกกันอย่างกว้างขวาง แต่ในปัจจุบันพบเห็นน้อยมาก เพิ่งจะมีผู้ขยายพันธุ์นำต้นวางขายพร้อมมีผลจริงโชว์ให้ชมเมื่อไม่นานมานี้ โดยรูปทรงของผลมะตูมยักษ์ไทย จะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว คือ ผลจะกลมรีต่างจากผลมะตูมยักษ์ที่เป็นสายพันธุ์ต่างประเทศที่จะเป็นทรงกลมแป้น แต่ขนาดผลจะมีขนาดใหญ่มหึมาเช่นเดียวกัน ใน ทางอาหารมะตูมยักษ์ไทยใช้ประโยชน์เช่นเดียวกับมะตูมทั่วไป คือ ใบอ่อน ยอดอ่อนเป็นผักจิ้มน้ำพริก ใบอ่อนปรุงรวมกับข้าวยำปักษ์ใต้ กินกับขนมจีน ผลแก่นำไปเชื่อมรสหวานรับประทานอร่อยชื่นใจดีมาก ปัจจุบันมะตูมเชื่อมหาซื้อรับประทานได้ยากแล้ว



สรรพคุณ ทางสมุนไพรของ มะตูมยักษ์ไทย ใช้ได้เช่นเดียวกับมะตูมทั่วไปคือ ผลอ่อนเป็นยาบำรุงธาตุ เจริญอาหาร ขับผาย ลม ผลแก่แก้เสมหะและลม บำรุงธาตุไฟ ย่อยอาหารให้ละเอียด ผลสดกินแก้ลมเสียดแทงในท้อง แก้มูกเลือด กระตุ้นลำไส้ให้บีบตัว ใบสดคั้นน้ำกินแก้หลอดลมอักเสบ เปลือก ราก และเนื้อไม้จากต้นต้มน้ำดื่มแก้ไข้มาลาเรีย ในทางไสยศาสตร์ ใบสด ใช้ป้องกันเสนียดจัญไร ขับภูตผีปีศาจ หมอผีในยุคสมัยก่อนนิยมเอาไปทำพิธีอย่างกว้างขวาง ผลแก่ทั้งผลขูดผิวให้เกลี้ยงทุบพอร้าวต้มน้ำตาลทรายมีกลิ่นหอมรับประทานเป็นยาบำรุงธาตุ เรียกว่า น้ำอัชบาล เนื้อในสุกรสหวานหอมอร่อยมาก แต่เยื่อหุ้มเมล็ดจะให้รสขมเล็กน้อย



มะตูมยักษ์ไทย มีชื่อวิทยาศาสตร์เช่นเดียวกับมะตูมทั่วไปคือ BAEL FRUIT TREE. ฯลฯ อยู่ในวงศ์ RUTACEAE เป็นไม้ยืนต้น สูง 10-15 เมตร ใบออกสลับ มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว ดอกออกเป็นช่อตามซอกใบและปลายยอด ดอกเป็นสีขาว มีกลิ่นหอมแรงและหอมไกล ผล มีขนาดใหญ่ ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ดและตอนกิ่ง มีต้นขายที่ ตลาดนัดไม้ดอกไม้ประดับ สวนจตุจักร ทุกวันพุธ-พฤหัสฯ แผง คุณภิญโญ ตรงกันข้ามโครงการ 13 ราคาสอบถามกันเองครับ.



ความรู้เรื่องธาตุ


ร่างกายของมนุษย์ ประกอบด้วยธาตุ 5 ดิน น้ำ ลม ไฟ และปราณ



ร่างกายของมนุษย์ ประกอบด้วยธาตุ 5 ดิน น้ำ ลม ไฟ และปราณ เราจึงต้องดูแลและปรับสมดุลของร่างกายเราอยุ่อย่างเสมอ




- ดิน หมายถึง กล้ามเนื้อ อวัยวะ กระดูก เส้นเอ็นต่างๆ หากขาดธาตุดิน ร่างกายจะอ่อนแอ แคระแกร็น ต้องเติมด้วยการทานอาหารจำพวกผลไม้และผัก ซึ่งอาหารเหล่านี้ได้รับแร่ธาตุต่างๆ มาจากในดิน



- น้ำ หมายถึง เลือด ของเหลวในร่างกาย ถ้าขาดธาตุน้ำ ผิวพรรณจะไม่ดี ไม่งาม เช้นผิวกระด้างหยาบ ไม่มีน้ำมีนวล ขาดความสดใส ท้องจะผูกง่าย เราจึงต้องดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย และเลือกดื่มน้ำที่ดี สะอาดและมีสารอาหารที่ร่างกายต้องการ แต่ต้องระวังถ้ามากเกินไปก็จะเป็นการสร้างภาระหน้าที่ให้แก่ไตได้เช่นกัน



- ลม หมายถึง อากาศ หรือช่องว่างภายในร่างกาย ถ้าขาดธาตุลม จะเกิดการปวดหัว ไม่กระปรี่ประเป่า ต้องหมั่นฝึกการหายใจให้ถูกต้อง ด้วยการสูดหายใจยาวๆ เพื่อเอาอากาศบริสุทธิ์เข้าไป แล้วค่อยๆ ปล่อยลมหายใจออกมาช้า ๆ เพื่อเป็นการช่วยให้ปอดแข็งแรงด้วย



- ไฟ หมายถึง อุณหภูมิในร่างกาย ถ้าต่ำเราจะรู้สึกเพลียง่วง เติมได้ด้วยการอาบแดด หรือออกกำลังกาย ถ้าสูงไปจะฉุนเฉียวง่าย ปรับด้วยการอยู่ใกล้ธรรมชาติ หรือหาผัก ผลไม้ทาน



- ปราณ หมายถึง พลังงานไฟฟ้าที่อยู่รอบๆตัวเรา ร่างกายได้รับโดยปราณอยู่ตลอดเวลา


หลักการของธรรมชาติร่างกายเราจะสามารถเยียวยา และปรับสมดุลได้เองอยู่แล้ว เมื่อรู้สึกว่าผิดปรกติ แต่ถ้าเราช่วยฟัง และสังเกตตนเองอยู่เสมอ หรือสรรหาสิ่งมีประโยชน์ต่อร่างกายสม่ำเสมอ ไม่ว่าเรื่องอาหาร ที่พัก น้ำดื่ม ก็จะยิ่งช่วยร่างกายเราในทางอ้อมด้วย